วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2559


ไม่รออีกสามวันเพราะรอไม่ได้ต้องใช้กล่องไฟสตูดิโอโดยด่วนมันจำเป็นสุดๆ


โดยไม่รออีกสามวันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็จะเสด็จนิวัตพระนครแล้วครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯถึงพระนครเรียบร้อยท่ามกลางประชาซนนับแสนที่มาเฝ้ารับเสด็จหลังจากนั้นอีกสามวันจึงมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งจอมพล ป.พิลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีรวมทั้งการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีด้วยการเซ็นเซอร์คงดำเนินไปตามแถลงการณ์เดลิเมล์ฉบับวันที่ ๓ธันวาคมถูกเซ็นเซอร์ ซึ่งน่าจะเป็นภาพมากกว่าข่าวสามคอลัมน์แรกทางขวามือเป็นเนื้อที่ขาวทั้งหมด ฉบับวันที่ ๖ ธันวาคมมีข่าวชิ้นหนึ่งในหน้าหนึ่งถูกยกออกนี่คือผลของการตรวจและเซ็นเซอร์ข่าวหนังสือพิมพ์เจ็ดศพวัดตรีฯ กระฉ่อนฉาวเซียวจะเห็นว่า เมื่อมีการปฏิว้ติหรือจะเรียกว่า กล่องสตูดิโอมินิ กบฏการทำรัฐประหารสิ่งที่เกิดขึ้นกับนักหนังสือพิมพ์ก็คือ คำลังตั้งคณะกรรมการตรวจข่าวหนังสือพิมพ์หรือที่เรียกว่าเซ็นเซอร์นี่แหละหนังสือพิมพ์จะพิมพ์ออกมาจำหน่ายได้ต้องผ่านการตรวจหรือเซ็นเซอร์ เสียก่อนไม่ว่าจะเป็นภาพข่าวหรือเนื้อหาของข่าวเฉพาะที่ถือว่าต้องตรวจเข้มก็คือบทบรรณาธิการกับบทความที่นำเสนอในหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นๆด้วยเหตุนี้การทำงานจึงต้องร่นเวลาปิดข่าวของหนังสือพิมพ์เช้าหรือล่าสุดคือจากเดิมห้าทุ่มหรือเที่ยงคืนก็ตามมาเป็นเวลาเที่ยงวันเรียกว่าหายไปถึง๑๒ ชั่วโมงกว่าคณะกรรมการตรวจข่าวจะเซ็นชื่อกำกับหลังการตรวจมักจะเป็นเวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. ถึง ๑๖.๐๐ น. กล่องไฟถ่ายภาพ
ท่านผู้อ่านคงสงสัยว่าทำไมต้องรีบล่งให้ตรวจแวและมีเวลาเหลือ(สำหรับหนังสือเช้า) อีกตั้งหลายชั่วโมงหนังสือบ่ายจะรีบนำมาให้ตรวจประมาณหลังตามความเป็นจริง๐๙.๐๐ น.เพื่อกลับไปแล้วจะสามารถขึ้นแท่นและพิมพ์ออกวางจำหน่ายได้ราว ๑๕.๐0 น. เป็นอย่างช้าในส่วนหนังสือพิมพ์เช้าที่ส่งให้ตรวจจนมีเวลาเหลือเพื่อก็เป็นเพราะการตรวจข่าวใช้เวลาราชการเป็นเวลาทำงานคือหลัง ๑๖.๐๐ น. ไปแล้วจะไม่มีคณะกรรมการตรวจอยู่รอตรวจข่าว กล่องมินิสตูดิโอ อำนาจการตรวจข่าวเช่นนี้เป็นผลมาจากพ.ร.บ.การพิมพ์๒ที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจข่าวได้โดยไม่จำเป็นต้องมีการประกาศภาวะฉุกเฉินพ.ร.บ.ฉบับนี้คนทำหนังสือพิมพ์ได้เพียรพยายามให้ยกเลิกครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่เป็นผลในครั้งนั้นสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยมีที่ตั้งอยู่ถนนบำรุงเมืองได้ออกมาเคลื่อนไหวด้วยการเรียกประชุมวิสามัญ โดยนายกสมาคมขณะนั้นคือประสิทธิ้ สมิตะศิริหลังการให้สัมภาษณ์ของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ชี้ว่าหนังสือพิมพ์มีเจตนาโฆษณาหรือชักชวนให้บุคคลคิดทำการปฏิวัติหรือรบกันเองผลการประชุมครั้งนั้น (๑๐ กรกฎาคม) คือให้มีการพบปะกับรัฐมนตรีว่าการมหาดไทยแต่เมื่อนายประสิทธิ์
กล่องไฟฉากขาวไปแล้วไม่มีโอกาสได้พบรัฐมนตรีมหาดไทยทุกอย่างก็คงเงียบหายไปเหมือนลมที่พัดผ่านอาจจะเป็นด้วยการเคลื่อนไหวไม่สามารถจะมีผลแก่หนังสือพิมพ์ก็เป็นได้ จึงเมื่อมีคำลังเซ็นเชอร์อีกตั้งแต่ ๓๐พฤศจิกายน จึงไม่มีการพูดกันแต่อย่างใดการเซ็นเซอร์ครั้งนี้ไปยุติเอากล่องไฟถ่ายรูปสินค้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น